ยินดีต้อนรับค่ะ...

เนื้อหาในบล็อกส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูล ไอทีที่คนส่วนใหญ่อาจจะพอรู้อยู่แล้ว หรือบางท่านอาจจะถึงขั้นเชี่ยวชาญเลยก็ได้ แต่ก็เนอะ... อาจารย์ท่านบัญชามา ถึงอย่างไร ถ้าหากมีข้อมูลใดผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำหรือคำติชมต่างๆค่ะ ^^ ยังไงก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความยินดีนะคะ

Cloud Computing : ระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ (ตอนเปิดฉาก)

ระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ หรือ คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) คือ การนำทรัพยากรของระบบไอที ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือซอฟต์แวร์ (Software) มาแบ่งปันในรูปแบบการให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ssas : Software As A Services) โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์สรรถนะสูงหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบใดๆ ที่ยุ่งยากซับซ้อน เพียงแค่ขอใช้บริการจากผู้ให้บริการระบบประมวลผลกลุ่มเมฆทั่วๆ ไปและชำระค่าบริการตามอัตราการใช้งานจริงแก่ผู้ให้บริการเท่านั้นก็เพียงพอ ซึ่งระบบประมวลผลกลุ่มเมฆนี้เป็นแนวคิดสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ในยุคหน้า โดยสามารถลดภาระการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับภาคองค์กรธุรกิจหรือส่วนบุคคล

สภาพแวดล้อมของระบบประมวลผลกลุ่มเมฆนั้น ก็มีส่วนสำคัญ คือจำเป็นต้องพัฒนาประสิทธิภาพและความสามารถของการสื่อสารข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้มีความพร้อมและมีศักยภาพสูงเพื่อที่จะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลบนสภาพแวดล้อมในปัจจุบันเป็นการแลกเปลี่ยนแอพพลิเคชั่นบนสภาพแวดล้อมแบบกลุ่มเมฆได้

ถ้าจะเปรียบเทียบระบบประมวลผลกลุ่มเมฆให้เห็นชัด คือ เมฆ ที่เราเห็นล่องลอยสูงอยู่บนฟ้านั้นทำหน้าที่ “ปิดบังซ่อนเร้น” ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นกระบวนการขั้นตอนที่อยู่เหนือขึ้นไป เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง เกิดขึ้นมา เราก็ได้เพียงแต่เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือ น้ำฝนที่หลั่งรินลงมา แต่ที่ไม่ได้เห็นคือกระบวนการของมันที่เราไม่จำเป็นต้องเห็นและรับรู้ก็เท่านั้นเอง ซึ่งเปรียบเสมือนระบบเสมือนจริง (Virtualization) ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ติดต่อผู้ใช้โดยการรับคำสั่งและแสดงผล สื่อสารไปยังบริการต่างๆบนกลุ่มเมฆ เพื่อการจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลประมวลผลและโปรแกรมประยุกต์ที่หลากหลายนั้น

ในสภาวะจริงของระบบประมวลผลกลุ่มเมฆนั้น ผู้ใช้มีเพียงอุปกรณ์ (Device) ที่สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ พีดีเอ ก็จะสามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการผ่านเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องบนเครือข่าย ในรูปแบบการประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Computing) ซึ่งนับว่าสะดวกสบายไม่จำเป็นต้องพกพาให้มากมายและที่สำคัญคือประหยัด

จากที่ได้ศึกษาข้อมูลมา มีข้อสังเกตว่าจริงๆแล้วระบบประมวลผลกลุ่มเมฆเป็นที่รู้จักกันตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 แล้ว และเมื่อปี 2009 เดลล์ได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “Cloud Computing” ไป แต่สำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (USPTO : United States Patent and Trademark Office) ได้ปฏิเสธการยื่นขอของเดลล์ไป โดยใช้เวลาในการพิจารณาปีกว่า และระบุว่า “ระบบปฏิบัติการกลุ่มเมฆเป็นคำที่ใช้กันโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมไอที หมายถึงแอพพลิเคชั่นการประมวลผลทางไกล (Remote Computing Applications) ทั้งนี้กลุ่มเมฆเปรียบเสมือน เครือข่ายอินเตอร์เน็ต กลุ่มเมฆที่ปกคลุมท้องฟ้ามีการเชื่อมโยงกันเป็นผืนเมฆเดียวกันห่อหุ้มโลกใบนี้ไว้ เช่นเดียวกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากหลายเครื่องจากทั่วทุกมุมโลกเป็นเครือข่ายใยแมงมุมขนาดใหญ่”

มีหลายๆ คนคงสับสนระหว่างระบบประมวลผลแบบกริด (Grid Computing) และระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งสองเทคโนโลยีต่างก็มีจุดประสงค์ที่คล้ายๆ กัน คือ การแบ่งปัน (Share) แต่มีผู้วิเคราะห์ว่าเทคโนโลยีกริดนั้นจะเน้นไปในทางด้านวิจัยเสียมากกว่าคลาวด์ที่เน้นไปในทางด้านพาณิชย์เสียมากกว่า โดยทางไอบีเอ็มได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับระบบกริดไว้ว่าระบบประมวลผลแบบกริด เป็นการนำความสามารถของคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องมาเชื่อมต่อกันเพื่อแบ่งปันประสิทธิภาพเช่นเดียวกับระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ อย่างไรก็ตามระบบประมวลผลแบบกริดเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับงานเฉพาะทาง  กล่าวคือเป็นการสร้างเครือข่ายเพื่องานใดงานหนึ่ง สำหรับองค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น แต่ระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันหมดทั้งอินเตอร์เน็ต และทำงานร่วมกัน เพื่อให้บริการที่หลากหลายรูปแบบแก่ผู้ใช้ทั่วทุกมุมโลก

ที่มาของระบบประมวลผลกลุ่มเมฆคือแนวคิดการแบ่งงานกันทำ โดยผู้ใช้สามารถโฟกัสไปยังธุรกิจหลัก (Core Business) ของตนเองได้อย่างเต็มที่ และสามารถถ่ายโอนงานด้านไอทีทั้งหมด (Outsource)ไปยังผู้ให้บริการไอทีผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้ประหยัดและลดต้นทุน (Economies of scale) ของไอทีทั้งด้านประสิทธิภาพในการประมวลผลและขนาดของพื้นที่จัดเก็บข้อมูล  จึงไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมากๆ เพื่อติดตั้งระบบไอที หรือว่าจ้างบุคลากรมาบริหารจัดการเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญคือเมื่อเทคโนโลยีไอทีมีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไป ผู้ใช้จะมีความยืดหยุ่นที่จะสามารถปรับใช้บริการเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ทันที ขณะที่ผู้ให้บริการก็สามารถอัพเกรดเทคโนโลยีการให้บริการได้อย่างยืดหยุ่นบนสถาปัตยกรรม Service-oriented architecture

ระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ เป็นแนวโน้มของเทคโนโลยีไอทียุคหน้า  ปัจจุบันผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไอทีชั้นนำต่างวิจัยและพัฒนาสภาพแวดล้อมของระบบประมวลผลกลุ่มเมฆเพื่อนำเสนอบริการออกสู่ตลาด เช่นความร่วมมือของ 3 องค์กร คือ อินเทล (Intel) ผู้ผลิตชิป  ยาฮู (Yahoo) ผู้ให้บริการไดเรคทอรีบนอินเตอร์เน็ต เอชพี (HP) ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์

             เพื่อดำเนินโครงการศึกษาเทคโนโลยีประมวลผลกลุ่มเมฆ โดยเน้นการวิจัยศึกษาถึงการสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ เน้นการศึกษาหาแนวทางให้ระบบคำนวณขนาดใหญ่มีความเสถียร มีการบริหารจัดการข้อมูลภายในที่ดี และมีความปลอดภัยสูง ทั้งนี้ในแต่ละศูนย์วิจัยจะติดตั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์จำนวน 1-4 พันเครื่อง เพื่อทำการเชื่อมโยงกันเป็นกลุ่มเมฆ 6 กลุ่ม

คุณลักษณะของระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ

ลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนในระบบไอที

โดยผู้ให้บริการจะเป็นผู้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของระบบไอทีทั้งหมดและผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องลงทุนติดตั้งหรือซื้อไลเซนส์ (License) ของซอฟต์แวร์ที่มีราคาสูง อีกทั้งยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายแก่องค์กรอีกต่างหาก

เพิ่มความสามารถในการแบ่งปันทรัพยากรแบบ Multitenancy

เพิ่มความสามารถในการรองรับช่วงเวลาทำงานหนัก (Peak-load capacity)  รวมทั้งช่วยปรับปรุงประโยชน์ใช้สอยและประสิทธิภาพ (Utilization and efficiency) ของทรัพยากรไอที

ความสามารถในการปรับเปลี่ยนขนาด (Scalability)

สามารถเลือกใช้ทรัพยากรได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการใช้งานจริงในแต่ละช่วงเวลา

ความเชื่อถือได้ (Reliability)

ระบบมีมาตรการป้องกันระบบล่ม เพื่อให้ระบบพร้อมให้บริการตลอดเวลา (Redundant) 24 ชั่วโมง

ความปลอดภัย (Security)

สำหรับข้อมูลและทรัพยากรของระบบ ได้จัดให้มีมาตรการป้องกันความปลอดภัย ทำให้บุคคลอื่นไม่สามารถเข้ามาดูหรือเอาข้อมูลของเราไปได้ อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียความสามารถในการกำกับดูแลการเข้าถึงและความปลอดภัยของข้อมูลอ่อนไหว

ประสิทธิภาพ (Performance)

ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของอินเทอร์เน็ตว่าจะสามารถกำกับดูแลและมีความเสถียรได้ตลอดเวลาหรือไม่ แต่อาจได้รับผลกระทบจากการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือช่วงเวลาที่มีการใช้งานพร้อมกันจำนวนมาก เพราะอาจจะช้าลง

อุปกรณ์และสถานที่ตั้งไม่ขึ้นต่อกัน (Device and location independence)

ผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบได้จากทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำกัด เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อและอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานได้จากทุกๆ ที่และทุกๆ เวลา

องค์ประกอบของระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ

ระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบที่สำคัญคือ

·        อินเตอร์เน็ตที่มีช่องสัญญาณสูงจนเกือบจะไม่มีจำกัด (Nearly unlimited bandwidth)

·        เทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Increasingly sophisticated virtualization technologies)

·        สถาปัตยกรรมเครือข่ายที่รองรับการเข้าถึงพร้อมกันจำนวนมาก (Multitenant Architectures)

·        ลักษณะการใช้งานได้ของเซิรฟ์เวอร์ประสิทธิภาพสูง (Availability of extremely powerful servers)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น