ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค
จากผลการวิจัยล่าสุด ไอบีเอ็ม คาดว่าคลาวด์ คอมพิวติ้งจะถูกใช้งานเพิ่มมากขึ้นในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า สืบเนื่องจากแนวโน้มต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภคในวงกว้าง 5 ประการคือ
1. แนวโน้มการใช้งานเว็บ 2.0 ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟมากขึ้น
ปัจจุบัน ด้วยแนวโน้มของเทคโนโลยีเว็บ 2.0 ซึ่งเนื้อหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล รูปภาพ วีดิโอคลิป หรือ ไฟล์เสียงภายในเว็บมีการเปลี่ยนแปลงโดยผู้ใช้ทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น Wikipedia และ YouTube แนวโน้มการใช้งานเว็บ 2.0 ปัจจุบันเป็นที่นิยมทั้งระดับผู้ใช้ทั่วไปและพนักงานองค์กรซึ่งต้องใช้เว็บ 2.0 ในการประสานงานร่วมกันสำหรับโครงการต่าง ๆ
ด้วยแนวโน้มด้านเทคโนโลยีเว็บ 2.0 นี้เอง ระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง จึงเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นเทคโนโลยีที่มีสมรรถนะและประสิทธิภาพสูงแล้ว ยังตอบสนองความต้องการของทำงานของเว็บไซท์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหรือข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีของคลาวด์ คอมพิวติ้งในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลภายในเวลาเพียงเศษเสี้ยววินาที ตัวอย่างองค์กรที่ใช้ประโยชน์จากคลาวด์ คอมพิวติ้งในปัจจุบัน ได้แก่ ไชน่า เทเลคอม (China Telecom) และโซเกตี้ (Sogeti) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการระดับผู้เชี่ยวชาญในยุโรป โดยเฉพาะโซเกตี้ ได้มีการใช้คลาวด์ คอมพิวติ้งภายในองค์กร เพื่อระดมความคิดของพนักงานผ่านระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ ซึ่งคลาวด์ คอมพิวติ้งจะช่วยรวบรวมข้อเสนอแนะและไอเดียจากพนักงานของโซเกตี้ 18,000 คน และจัดเรียง วิเคราะห์ข้อมูลในแบบเรียลไทม์เพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าวที่ได้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงธุรกิจ
2. ความต้องการประสิทธิภาพทางด้านการประหยัดพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น
สืบเนื่องจากวิกฤติการณ์ด้านพลังงานและกระแสความตระหนักเรื่องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน องค์กรหลายแห่งจึงหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องไอทีประหยัดพลังงาน เนื่องจาก ความสามารถในการประหยัดพลังงานโดยเฉพาะการจัดการพลังงานในระบบดาต้าเซ็นเตอร์ เทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้ง จึงเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในระดับต้น ๆ จากข้อมูลล่าสุดของอินโฟ-เทค รีเสิร์ช กรุ๊ป (Info-Tech Research Group) ระบุว่า เซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่ที่มีการทำงานตลอดเวลา โดยมากใช้ทรัพยากรในระบบเพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ด้วยการจัดการระบบด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้ง ทรัพยากรทางด้านไอทีจะถูกผนวกรวมศูนย์เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยองค์กรประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยเทคโนโลยีจะช่วยองค์กรเพิ่มหรือลดขนาดของระบบได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เพื่อให้สิ้นเปลืองพลังงานแต่อย่างใด
3. แนวโน้มความต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ในภาคธุรกิจ
ปัจจุบัน นอกจากการแข่งขันในเชิงธุรกิจแล้ว บริษัทต่างๆ ยังจำเป็นที่จะต้องนำเสนอสินค้า บริการ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอยู่ตลอดเวลา โดยบริษัทเหล่านี้มองว่าเทคโนโลยีจะมีส่วนช่วยให้ได้การคิดค้นต่าง ๆ ทำได้เร็วยิ่งขึ้น และด้วยความต้องการในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องนี้เอง มีส่วนทำให้องค์กรหลายแห่งจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งให้พลังการประมวลผลสมรรถนะสูงกว่า แต่เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
4. ความต้องการใช้งานเทคโนโลยีให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
ในปัจจุบัน ยิ่งเทคโนโลยีมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเท่าใด ผู้ใช้งานก็ต้องการใช้งานเทคโนโลยีให้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น ด้วยแนวโน้มการใช้ซอฟต์แวร์ในรูปแบบของบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตนับเป็นตัวอย่างหนึ่งของแนวโน้มที่ช่วยตอบสนองความต้องการใช้งานง่ายของผุ้ใช้ อีกทั้งยังเป็นการบุกเบิกการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้งไปในตัวด้วย ด้วยแนวโน้มดัวกล่าวนี้เอง ทำให้องค์กรหลายแห่งเลือกที่จะซื้อบริการ แทนการซื้อซอฟต์แวร์มาใช้โดยตรง (Software as a service) ซึ่งข้อดีคือ องค์กรจะได้มีโอกาสใช้ซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ต้องรับมือกับความยุ่งยากซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการหรือการอัพเกรดซอฟต์แวร์ที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลา
ด้วยความสามารถของคลาวด์ คอมพิวติ้งที่นำมาใช้ในการให้บริการทางด้านซอฟท์แวร์ มีผลช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนให้กับระบบไอทีทั้งหมด เพราะองค์กรอาจใช้บริการจากคลาวด์ คอมพิวติ้งที่ถูกโฮสต์ไว้ภายนอกและซื้อใช้ในรูปแบบของบริการแทนที่จะต้องลงทุนซื้อซอฟท์แวร์มาใช้เอง ซึ่งวิธีการดังกล่าวถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับบริษัทขนาดเล็กที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และมีพนักงานฝ่ายเทคนิคอยู่อย่างจำกัด
5. ปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา
เนื่องจากข้อมูลมหาศาลที่มีอยู่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน การจัดการข้อมูลในเว็บถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง แต่ด้วยความสำเร็จของเทคโนโลยีการค้นหาข้อมูล เช่น กูเกิ้ล ทำให้โลกได้เห็นถึงความสำคัญในการจัดระเบียบและการกำหนดโครงสร้างเว็บที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากปริมาณข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลกทุกวินาที
ในแต่ละวัน ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายล้านคนแลกเปลี่ยน ค้นหาข้อมูล รูปภาพ และเสียงผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งหากการค้นหาข้อมูลที่ต้องการไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำแล้ว ประโยชน์ของเว็บในฐานะเครื่องมือสำคัญในการทำงานก็อาจลดน้อยลง แต่ด้วยประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้งนี้เอง ทำให้มาตรฐานและการจัดการข้อมูลอันมากมายและหลากหลายในเว็บทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะระบบใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการประมวลผลที่เหนือกว่าของคลาวด์ คอมพิวติ้ง เพื่อบริหารจัดการข้อมูลจำนวนมาก รวมทั้งใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นเพื่อจัดการความซับซ้อนของข้อมูลในเว็บให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
ในทศวรรษหน้า เทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้งจะมีพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวนี้เองจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเทคโนโลยีอื่น ๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน
ภัยคุกคามสำหรับ Cloud Computing
แม้ว่า cloud computing จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใช้อย่างมากมาย อาทิ ได้ใช้บริการทางด้าน IT ในราคาถูกลง,องค์กรสามรถบริหารจัดการ IT ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ,ทำให้ธุรกิจสามารถมุ่งความสนใจไปยัง core business ของตนเองได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการบริหารจัดการ IT เป็นต้น แต่ทั้งนี้เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ
แต่การใช้ cloud computing นั้นก็มีความเสี่ยงจากภัยคุกคามเช่นเดียวกับการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ โดยทาง CSA หรือ Cloud Security Alliance ได้ทำการสรุปประเภทของภัยคุกคามที่จะเกิดกับ cloud computing เอาไว้ 7 ประเภท ดังนี้
1. Abuse and nefarious use of cloud computing การใช้ cloud computing ในทางที่ผิด อย่างเช่น hacker ทีจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างไม่จำกัดของ cloud
2. Insecure interfaces and APIs ความน่าเชื่อถือในด้าน security และ availability เนื่องจากผู้ใช้บริการจะอาศัย
API ในการติดต่อกับ Backend software และเซอร์วิสต่างๆที่อยู่ใน cloud จึงอาจเป็นช่องทางที่ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้เข้าโจมตีและเข้าถึงเซอร์วิสต่างๆได้โดยตรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลและการรักษาความลับของข้อมูลใน cloud
3. Malicious insiders ภัยคุกคามที่เกิดจากคนใน จากฝั่งผู้ให้บริการเอง เช่น พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกินกว่าสิทธิของตนเองที่จะเข้าถึงได้
4. Shared technology issues เป็นปัญหาเกี่ยวกับ Software ที่ใช้ในการจัดการการแชร์ระบบและทรัพยากรต่างๆแก่ผู้ใช้เกิดความผิดพลาด หรือมี bug ทำให้เป็นช่องโหว่ที่ทำให้ hacker สวมรอยเข้ามาเป็นผู้ใช้บริการ cloud แล้วทำการเจาะระบบของผู้ใช้รายอื่นผ่านทางระบบที่ตนเองใช้งานอยู่ได้
5. Data loss or leakage การรั่วไหลของข้อมูล เนื่องจากอาจมีผู้อื่นมาใช้งานบน cloud โดยไม่ได้รับอนุญาต
6. Account or service hijacking การถูกขโมยใช้งานเซอร์วิสต่างๆ,การ Phishing,การถูกโจมตีตามช่องโหว่ของ software ที่ไม่ได้มีการ patch ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ผู้ใช้ใช้ password เดิมซ้ำๆอยู่นาน หรือไม่มีการเปลี่ยน password ในเวลาที่เหมาะสม
7. Unknown risk profile เนื่องจากบริการของ cloud นั้น ทางผู้ให้บริการไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของการดำเนินการภายในทำให้ผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงเพราะไม่รู้ว่าความเสี่ยงคืออะไรทำให้ไม่สามารถเตรียมการรองรับได้
ท้ายที่สุดการพัฒนาเฉพาะในส่วนเทคโนโลยีทั้งทางด้านประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์ ความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร แอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง สิ่งสำคัญที่สุดคือรูปแบบบริการที่นำเสนอควรจะเหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ทั้งในระดับองค์กรและระดับบุคคลภายใต้สภาพแวดล้อมของกลุ่มเมฆ
ที่มา
1. วิชาการดอทคอม. 2551. ระบบประมวลผลกลุ่มเมฆ. จาก http://www.vcharkarn.com/vblog/38378
2. กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์. โดย ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการธุรกิจคอมพิวเตอร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด. เมฆเกี่ยวอะไรกับคลาวด์ คอมพิวติ้ง. จาก http://www.bangkokbiznews.com/2008/08/07/news_283281.php
3. บทความใน นิตยสาร E-Commerce Magazine [January No.133 ปี 2010]. Private Cloud Computing : วันนี้ทุกคนมีกลุ่มเมฆส่วนตัว.
4. Suntos’s Blog. ภัยคุกคาม 7 อย่างสำหรับ Cloud Computing. จาก http://suntos.wordpress.com/2010/06/20/-cloud-computing/
5. JavaBoom Collection. Cloud Computing. จาก http://javaboom.wordpress.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น