
ภาพที่ 1 แสดงภาพรวมของกริดคอมพิวติ้ง
1. บทนำ
กริดคอมพิวติ้ง เป็นศาสตร์ที่อยู่ในสายเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (High Performance Computing - HPC) ซึ่งเป็นสายงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์และทรัพยากรคอมพิวเตอร์อื่นๆ ว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นในด้านการคำนวณ ประมวลผลหรือการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งล้วนก็เป็นเหตุผลประการสำคัญที่จะใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงให้มีประสิทธิภาพเต็มกำลังและคุ้มค่า กล่าวคือ ต้องการให้งานเสร็จไวและต้องการให้ได้งานในปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้นนั่นเอง
ปัจจุบันเทคโนโลยีกริดเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกริดนี้อย่างกว้างขวาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคำนวณ ประมวลผล หรือแม้กระทั่งการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลอันรวดเร็วและแม่นยำ
2. คำจำกัดความ
ความหมายของกริดคอมพิวติ้งมีผู้นิยามให้ความหมายมากมายหลายประการ ยกตัวอย่างดังนี้
· Ian Foster ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อทางด้านกริดคอมพิวติ้ง ได้ให้นิยามเกี่ยวกับกริดคอมพิวติ้งในบทความของเขา เรื่อง What is The Grid ว่า กริดคอมพิวติ้งเป็นการประมวลผลทรัพยากรที่ไม่ต้องผ่านส่วนกลาง และต้องใช้งานผ่านมาตรฐาน Open Source อีกทั้งได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพ
· Pawel Plaszczak และ Richard Wellner, Jr. ผู้ซึ่งแต่งหนังสือที่ได้รับความนิยมมาก คือ Grid Computing : The Savvy Manager’s Guide ได้นิยามเทคโนโลยีกริดว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดทรัพยากรเสมือน ซึ่งสามารถกำหนดได้ตามความต้องการและมีการบริการแบ่งปันทรัพยากรระหว่างองค์กร
· กริดคอมพิวติ้ง คือ การนำเอาคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงหลาย เครื่องมาทำงานเชื่อมต่อกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวมเอาความสามารถในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานที่ต้องอาศัยความละเอียดในการคำนวณที่ซับซ้อน [1]
· กริดคอมพิวติ้ง หมายถึง การรวบรวมทรัพยากรจากคอมพิวเตอร์หลายๆ หน่วยเข้าด้วยกัน มาช่วยในการทำงานร่วมกันในเวลาเดียวกัน [2]
ซึ่งสังเกตได้ว่า คำนิยามของคำว่า “กริดคอมพิวติ้ง” ล้วนแต่นิยามไปในทิศทางเดียวกันว่าเป็นการนำเอาทรัพยากรคอมพิวเตอร์มาแชร์ (Share) หรือแบ่งปันกันนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูลจากต่างที่มาร่วมด้วยช่วยกันประมวลผลหรือทำงานร่วมกันในเวลาเดียวกัน แม้ว่าทรัพยากรต่างๆ จะกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างกันก็ตาม ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผล หรือคำนวณที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ซึ่งเดิมอาจจะต้องใช้เวลามากในการประมวลผล แต่เทคโนโลยีกริดสามารถลดระยะเวลาที่ใช้ลงได้เป็นอย่างมาก ทำให้ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น สะดวก และลดต้นทุนได้มาก
3. ที่มา
กริดคอมพิวติ้งมีจุดเริ่มต้นมาจากความพยายามของกลุ่มคนที่ต้องการให้เครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีกระจัดกระจายอยู่หลากหลายสถานที่มาเชื่อมต่อกัน รวมกันเป็นระบบซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ โดยเอาความสามารถของทรัพยากรที่แตกต่างและห่างไกลกันมารวมไว้เสมือนว่าเป็นทรัพยากรชุดเดียวกัน ทำงานหรือแก้ปัญหาร่วมกัน โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงทรัพยากร เช่น การสั่งงาน การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลได้ง่ายดาย แม้กระทั่ง หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ที่ต้องการจะร่วมมือกันแก้ปัญหาใดๆ ก็สามารถใช้เทคโนโลยีกริดในการรวมทรัพยากรของแต่ละองค์กรเข้าด้วยกันได้เพื่อจะได้ร่วมกันแก้ปัญหาที่ขนาดใหญ่ขึ้นได้ นอกจากนี้แล้วยังทำให้ผู้ใช้ของแต่ละองค์กรร่วมมือกันทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เองความร่วมมือลักษณะดังกล่าวจึงถูกเรียกว่าองค์กรเสมือน (Virtual Organization) เพราะเสมือนว่าข้อตกลงในความร่วมมือนั้น ทำให้องค์กรที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ สามารถรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกริดคอมพิวติ้งและองค์กรเสมือน

ภาพที่ 2 แสดงคุณลักษณะขององค์กรเสมือน
4. โครงสร้างของกริด
โครงสร้างของกริดในปัจจุบันนั้น ได้มีผู้ให้นิยามไว้ว่าเป็นนาฬิกาทราย ทั้งนี้เพราะทรัพยากรที่อยู่ในกริดนั้นมีหลากหลายชนิดและรูปแบบซึ่งเป็นฐานของนาฬิกาทราย จากนั้นกริดจะต้องทำหน้าที่เป็นส่วนต่อประสาน (Interface) ในการเข้าถึงทรัพยากรเหล่านั้น โดยใช้รูปแบบของโพรโทคอลที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะอยู่ส่วนที่เป็นคอของนาฬิกาทราย จากนั้นแล้วผู้พัฒนาโปรแกรมที่ใช้งานบนกริดซึ่งอยู่ ณ ส่วนบนสุดของนาฬิกาทราย ก็สามารถสร้างโปรแกรมกริดที่หลากหลายขึ้นได้จากการเรียกใช้งานส่วนต่อประสานนี้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเรียกใช้งานทรัพยากรที่อยู่ในระดับล่างด้วยตนเอง

ภาพที่ 3 แสดงโครงสร้างนาฬิกาทรายของกริดคอมพิวติ้ง
ด้วยเหตุนี้การสร้างกริดในปัจจุบัน จึงต้องใช้การทำงานของกริดมิดเดิลแวร์ [3] (Grid Middleware) เช่น Globus Toolkit [4] และโปรแกรม Open SCE ซึ่งพัฒนาโดยศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ เป็นต้น โดยโปรแกรมเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นส่วนต่อเชื่อมเราเข้ากับระบบกริด ไม่ว่าเครื่องของเรานั้นจะเป็นระบบปฎิบัติการใดก็ตาม แล้วด้วยความสามารถของกริดมิดเดิลแวร์ จะทาให้เราเข้าถึงบริการพื้นฐานต่าง เช่น การสั่งงาน การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล โดยไม่ต้องเรียนรู้การใช้งานเครื่องเหล่านั้นได้โดยตรง
โครงสร้างของกริดนั้นมุ่งเน้นไปการทำทุกอย่างให้เป็นมาตรฐาน จึงทำให้หลากหลายหน่วยงานสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้โดยง่าย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กริดได้รับความสนใจอย่างมากดังเช่นในปัจจุบันและด้วยแนวทางในปัจจุบันของกริดที่กำลังมุ่งเข้าสู่เว็บเซอร์วิส [5] ทำให้บริการพื้นฐานต่างๆ ของกริดนั้น ได้เปลี่ยนไปให้บริการผ่านเว็บเซอร์วิสด้วย อันทำให้โครงสร้างพื้นฐานของกริดนั้นได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น
5. รูปแบบของกริดคอมพิวติ้ง
กริดคอมพิวติ้ง สามารถแบ่งออกได้ 3 รูปแบบ ตามลักษณะของการทำงาน ดังนี้
5.1 คอมพิวเตชันนอลกริด (Computational Grid) คือ กริดที่เน้นการประมวลผล การคำนวณสูง
5.2 ดาต้ากริด (Data Grid) คือ กริดที่เน้นการใช้ข้อมูลมหาศาล
5.3 แอคเซสกริด (Access Grid) คือ กริดสำหรับติดต่อสื่อสารระยะไกล
ภาพที่ 4 แสดงตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Computational Grid

ภาพที่ 5 แสดงการใช้งาน Access Grid ในการประชุมทางไกล
6. ทรัพยากรที่อยู่ในระบบกริด
6.1 กลุ่มคน (Peopleware) : ผู้ใช้ (user), นักวิจัย (Researcher), ผู้ควบคุมระบบ
6.2 คอมพิวเตอร์(Hardware) : คลัสเตอร์ (Cluster), ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ (File server)
6.3 แอพพลิเคชัน (Application) : กริดมิลเดิลแวร์ (Grid Middleware), โปรแกรมของผู้ใช้ (User Application)
6.4 ข้อมูล (Data) : ฐานข้อมูล (Database), ผลลัพธ์การประมวลผล (Result)
6.5 เครือข่าย (Network) : ช่องทางการส่งข้อมูล
ภาพที่ 6 แสดงภาพรวมของเทคโนโลยีกริด
7. World Wide Grid (WWG)
เทคโนโลยีเครือข่ายแนวใหม่ที่ใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมโยงและกระจายทรัพยากรให้กัน โดยยึดรูปแบบคล้ายกริดคอมพิว ติ้ง คือการแชร์ทรัพยากรทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะในด้านการประมวลผล ความจุ หรือ สมรรถนะในการถ่ายโอนข้อมูล ซึ่งจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายได้อย่างสะดวกและรวดเร็วพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการเชื่อมโยงกันผ่านอินเทอร์เน็ตอีกครั้งหนึ่ง จึงเรียกว่า world wide grid

ภาพที่ 7 แสดงภาพรวมของ WWG
8. ประโยชน์ของกริดคอมพิวติ้ง
8.1 สามารถแชร์ทรัพยากรได้ ทำให้ทรัพยากรทางไอทีถูกใช้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
8.2 สามารถสร้างระบบที่แลกเปลี่ยนและเพิ่มข้อมูลอย่างรวดเร็วปลอดภัยที่เรียกว่า Data Grid
8.3 สามารถทำให้งานวิจัยยากๆ ที่ต้องอาศัยการประมวลผลและคำนวณสูง ซึ่งงานที่ทำหากทำด้วยคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีจึงจะประมวลผลหรือคำนวณเสร็จ แต่เทคโนโลยีนี้สามารถลดระยะเวลาให้เหลือเวลาในการคำนวณในระดับเป็นวัน เป็นชั่วโมงเท่านั้น
8.4 สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านสารสนเทศโดยอาศัยเทคโนโลยี Grid ช่วยขจัดปัญหาค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรคอมพิวเตอร์ หรือช่วยในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่มากมายมหาศาล
ภาพที่ 8 แสดงตัวอย่างการประมวลผลของกริด
9. บริการของกริด
9.1 บริการประมวลผล (Computational Service) เป็นรูปแบบของการให้บริการพลังการ ประมวลผล โดยรับงานจากผู้ใช้ และหาเครื่องที่เหมาะสมเพื่อประมวลผลงานนั้น ระบบกริด ที่ให้บริการรูปแบบนี้ มักถูกเรียกว่า Computational Grid
9.2 บริการข้อมูล (Data Service) ให้บริการเนื้อที่ในการเก็บและค้นหาข้อมูลซึ่งข้อมูลเหล่านั้น อาจถูกเก็บกระจายอยู่ ณ สถานที่ต่างๆ และมีผู้ดูแลคนละคนกัน ระบบนี้ยังครอบคลุมถึงการรักษา ความปลอดภัยของข้อมูลภายในระบบด้วย Application ที่ต้องในรูปแบบการให้บริการนี้ มักจะเป็น Application ที่มีปริมาณและขนาดของข้อมูลมาก และข้อมูลกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ทำให้ยากแก่การเข้าถึงข้อมูล ตัวอย่างเช่น High Energy Physics และ Drug Design ระบบที่ให้บริการรูปแบบนี้จะถูกเรียกว่า Data Grid
9.3 บริการโปรแกรมประยุกต์ (Application Service) เป็นระบบที่ทำหน้าที่จัดการและจัดสรร การใช้งาน Application เช่น Software หรือ Library ที่อยู่คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งในปัจจุบันรูปแบบการให้ บริการมักจะอยู่ในรูปแบบของ Web Service ซึ่งการให้บริการนี้ จะทำงานอยู่บน Computational Service และ Data Service ตัวอย่างของระบบนี้ได้แก่ NetSolve
9.4 บริการสารสนเทศ (Information Service) เป็นรูปแบบการดึงและนำเสนอข้อมูลที่ถูกใช้โดย Computational Service Data Service และหรือ Application Service ซึ่งจะเกี่ยวกับ วิธีการนำเสนอ จัดเก็บ เข้าถึง แบ่งปัน และดูแลรักษาข้อมูลภายในระบบ เครื่องมือหลักที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดในปัจจุบัน คือ Web
9.5 บริการองค์ความรู้ (Knowledge Service) จะเกี่ยวข้องกับความรู้ที่ได้จากการทำงาน ประกอบด้วยวิธีการที่จะได้มา การใช้ การนำมาใช้ การประกาศ และการดูแลรักษาความรู้ต่างๆภายใน ระบบเครื่องมือที่นำมาใช้ คือ Data Mining

ภาพที่ 9 แสดงตัวอย่างการนำกริดไปประยุกต์ใช้
10. การประยุกต์ใช้กริดคอมพิวติ้ง
มีการนำกริดคอมพิวติ้งไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรม ด้านความบันเทิง ด้านการศึกษา หรือแม้กระทั่งด้านสาธารณสุข เป็นต้น โดยข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการนำกริดคอมพิวติ้งไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ อย่างน่าสนใจ ดังนี้
10.1 Grid Computing ทางด้านนาโนเทคโนโลยี
กริดคอมพิวติ้ง สามารถช่วยในการผลิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋วระดับนาโนได้ เช่น Microbot และ anodevices เป็นต้น ซึ่งมีความสามารในการจัดการ ควบคุม ประกอบสร้าง และผลิตสิ่งต่าง ๆ ด้วยความแม่นยำในระดับอะตอม ยกตัวอย่างเช่น การผลิต Microbot ที่เป็น Nanomedicine เป็นอุปกรณ์ช่วยในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วย ทำการฝังเซนเซอร์ไว้ใต้ผิวหนัง โดยที่อุปกรณ์ประกอบด้วยส่วนที่ทำงานหลายส่วน ได้แก่ แผงควบคุมเริ่มทำงานเมื่อผู้ป่วยต้องการยา ไบโอเซนเซอร์คอยวัดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย ที่บรรจุตัวยาพร้อมตัวยาที่ปล่อยออกมา ช่องควบคุมการปล่อยตัวยา โดยอุปกรณ์ชื่อว่า เบรคีซิล (BrachySil)ของบริษัททางชีวเทคโนโลยี ไซวิดา (pSivida) ได้พัฒนาขึ้นใช้ในการขนส่งยาไปสู่ตำแหน่งที่มีมะเร็งโดยตรง

ภาพที่ 10 แสดงตัวอย่างการนำกริดไปประยุกต์ใช้ทางด้านนาโนเทคโนโลยี
10.2 Grid Computing ทางด้านภูมิอากาศ
การคำนวณทางด้านสภาวะอากาศ ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงในการประมวลผล ตัวอย่างเช่น การแสดงผลของอุณหภูมิของภูมิอากาศจากฐานข้อมูลออนไลน์ขนาดใหญ่ และมีการแสดงข้อมูลเป็นปัจจุบัน สามารถติดต้านภูมิอากาศและช่วยในการพยากรณ์ของการต่อตัวของพายุที่จะนำไปสู่การเกิดน้ำท่วมได้อย่างแม่นยำ ภาพนี้ช่วยในการคาดเดาสภาพอากาศโดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม GOES9 ได้จากภาพล่าสุด 12 ภาพ(ประมาณ 12 ชม. จนถึงปัจจุบัน) สร้างจากโปรแกรมที่สร้างขึ้นใน Mathematica ของหน่วยวิจัยความเป็นเลิศของระบบซับซ้อน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

ภาพที่ 11 แสดงตัวอย่างการนำกริดไปประยุกต์ใช้ทางด้านภูมิอากาศ
10.3 Grid Computing ทางด้านภูมิประเทศ
การจำลองภาพสามมิติของภูมิประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการจัดการทรัพยากรของประเทศ การพัฒนาที่ดิน ตลอดจนการวางแผนยุทธศาสตร์ทางทหาร แบบจำลองที่ได้นี้จะได้มาจากการสร้างแบบจำลองจากแผนที่ทางทหารจำนวนมากประกอบกับแผนดาวเทียมที่อาศัยเทคโนโลยีรีโมทเซนซิ่ง และแผนที่จะต้องมีความต่อเนื่องกัน ต้องใช้เวลาในการประมวลผลหลายวัน โดยอาศัยคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงช่วยในการประมวลผลภาพจากโปรแกรม Google Earth เราสามารถเห็นอาคารใน 3 มิติ จากพื้นดินขึ้นไปในหลาย ๆ สถานที่ทั่วโลก และรวมถึงเราสามารถเห็นภูเขา ป่าไม้ หมู่บ้าน ถนน ได้เช่นเดียวกัน

ภาพที่ 12 แสดงตัวอย่างการนำกริดไปประยุกต์ใช้ทางด้านภูมิประเทศ
10.4 Grid Computing ทางด้านฐานข้อมูล
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Oracle ด้านฐานข้อมูล ได้เล็งเห็นความเห็นว่า Grid Computing จะมีอิทธิพลอย่างมากสำหรับองค์กรขนาดใหญ่และบริษัท Outsourcing ในการขยายขีดความสามารถของระบบ ฐานข้อมูลของ Oracle จะรองรับ Grid Computing ใน Database 10g โดยเทคโนโลยี Transaction Processing Performance Council หรือ TCP-H ช่วยให้การทำงานบนระบบปฏิบัติการ Linux เพิ่มขึ้นได้สูงถึงระดับ Terabyte ขณะที่ IBM ก็มี DB2 Universal Database Grid Services ที่พิสูจน์ความสามารถทางด้านนี้ โดย Charless Schwab ซึ่งใช้เครื่องมือจาก Globus Toolkits และ Red Hat เป็นตัวพัฒนา ซึ่งผลที่ได้ก็คือเวลาในการใช้งานแอพพลิเคชันทางการเงินของ Charless Schwab ลดลงจาก 4 นาทีเหลือเพียง 15 วินาทีเท่านั้น


ภาพที่ 13 แสดงต้นแบบ Data Center สีเขียวของประเทศไทยของบริษัท ทีซีซี เทคโนโลยี จำกัด
10.5 Grid Computing ทางด้านการออกแบบเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และยานพาหนะ
นิยมสร้างแบบจำลองโดยใช้คอมพิวเตอร์ การรันโปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบ CAD/CAM ค่อนข้างจะใช้ระยะเวลาเวลานาน จึงมีผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้ผลิตยานพาหนะบางรายนำเทคโนโลยีกริดไปประยุกต์ใช้

ภาพที่ 14 แสดงการจำลองด้านการออกแบบโดยใช้กริดคอมพิวติ้ง
10.6 Grid Computing ทางด้านการจำลองแบบทางฟิสิกส์
โปรแกรมการจำลองแบบด้านฟิสิกส์มีความต้องการการคำนวณสูง ดังนั้น จึงมีผู้ประยุกต์ใช้ Linux Grid มากขึ้นเรื่อยๆ
10.7 Grid Computing ทางด้านการจำลองแบบทางเคมี
วิทยาการทางด้านเคมีเริ่มหันมาใช้การจำลองแบบมากขึ้น เช่น การจำลองแบบมลพิษในทางอากาศ
ภาพที่ 15 แสดงการจำลองแบบมลพิษทางอากาศ
10.8 Grid Computing ทางด้านการจำลองแบบทางชีววิทยา
มีผู้นิยมใช้ซอฟต์แวร์การจำลองแบบ เพื่อจำลอง DNA การจำลองเซลล์ของกล้ามเนื้อ
ภาพที่ 16 แสดงการจำลองด้าน Bio Grid
10.9 Grid Computing ทางด้านธุรกิจภาพยนตร์
ในการสร้างภาพยนตร์ที่ใช้ Computer Graphics หรือ CG เพื่อสร้างความสมจริงให้กับภาพยนตร์นั้นจะต้องใช้เวลาในการสร้างภาพ (Render) ในแต่ละเฟรมค่อนข้างนาน เช่น AI, Monster Inc., Lord of the Ring, Shrek, X-MEN, AVATAR เป็นต้น
ภาพที่ 17 เทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง AVATAR
10.10 Grid Computing ทางด้านธุรกิจเวบไซด์
Search Engine ชื่อดังเช่น Google เองก็อาศัยเทคโนโลยีนี้ในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลในแต่ละวันโดยใช้โปรเซสเซอร์จำนวน 15,000 ตัว
ภาพที่ 18 Search Engine ชื่อดัง ที่ทุกคนก็รู้จักและมีผู้ใช้มากที่สุดในโลก
ภาพที่ 19 Google Company บริษัทมหาชนอเมริกัน มีรายได้หลักจากการโฆษณาออนไลน์
ก่อตั้งโดยแลรี่ เพจและเซอร์เกย์ บริน ขณะที่ทั้งคู่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
10.11 Grid Computing ทางด้านการวิจัย
มีการใช้เทคโนโลยีกริดในการคิดค้นตัวยา โดยนายจักร แสงมา อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในทีมงานผู้ทำงานโครงการสำรวจตัวยา (Drug Discovery Project) กล่าวว่าเทคโนโลยีกริด ช่วยให้การประมวลผลเร็วขึ้น ได้ผลวิเคราะห์ในเวลา 3 เดือน จากปกติใช้เครื่องแม่ข่าย 1 เครื่อง ที่มีความเร็ว 2.6 กิกะเฮิรตซ์ และแรม 1 กิกะไบต์ ต้องใช้เวลา 2 ปี จึงช่วยลดความเสียเปรียบของไทย ที่ขาดบุคลากรผู้ศึกษาทดลองเกี่ยวกับสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากสมุนไพรไทย
ภาพที่ 20 ตัวอย่างการจำลองผลการทดลอง โดยใช้เทคโนโลยีกริด
11. กริดคอมพิวติ้งในประเทศไทย
ในประเทศไทยนั้น ได้มีผู้ที่สนใจและเชี่ยวชาญในเรื่องของเทคโนโลยีกริดนั้นมากมาย ซึ่งรัฐบาลก็ได้สนับสนุนเพราะถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มากมาย โดยเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 ได้มีการจัดตั้งศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ หรือ ศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีกริดแห่งชาติตามมติคณะรัฐมนตรี โดยสังกัดอยู่ภายใต้สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทสและการสื่อสาร
ภาพที่ 21 โลโก้ศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ
ภาพที่ 22 หัวใจสำคัญของศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ “เทราฟลอป”
ศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ อาคารกิจกรรมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยภายในแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนของสำนักงานและส่วนของห้องระบบคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ ที่บรรจุเครื่องแม่ข่ายกริดสมรรถนะสูงถึง 3 เทราฟลอปอีกทั้งยังมีเครือข่ายลูกตามสถาบันการศึกษาและพันธมิตรกว่า 20 หน่วยงาน ซึ่งส่วนใหญ่งานที่จะมาใช้งานเป็นงานเชิงแนววิจัยเสียมากกว่าทางธุรกิจ
ภาพที่ 23 หน้าตาสำนักงานของศูนย์เชี่ยวชาญทางด้านกริดคอมพิวติ้ง
สำหรับประเทศไทยนั้น ศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ จะเป็นศูนย์วิจัยที่มีเครื่องมือ และระบบประมวลผลขนาดใหญ่ และทันสมัยในระดับภูมิภาค โดยปัจจุบัน ระบบกริดในประเทศไทยที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของโครงการศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีกริดแห่งชาติ ประกอบด้วยระบบคลัสเตอร์หลักทั้งหมด 16 ระบบ โดยมี 160 หน่วยประมวลผล และมีหน่วยความจำรวมทั้งหมดประมาณ 320 GB ซึ่งระบบทั้งหมดได้มีการติดตั้ง และเชื่อมต่อกันเป็นระบบกริดแล้ว
สำหรับระบบคลัสเตอร์แม่ข่ายกลางนั้นมีหน่วยประมวลผลแบบ Dual Core ทั้งหมด 400 หน่วย มีหน่วยความจำรวม 1.1 เทราไบต์ ระบบเก็บข้อมูลภายใน 21 เทราไบต์ และระบบสำรองข้อมูลอีก 48 เทราไบต์ โดยระบบแม่ข่ายกริดที่เรียกว่า Tera Cluster นั้นมีสมรรถนะสูงถึง 2.5 เทราฟลอบ และจากการทดสอบด้วยโปรแกรมทดสอบ High Performance Linpack พบว่า ระบบไทยกริดเป็นระบบกริดที่ใหญ่ และมีสมรรถนะสูงที่สุดระบบหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทางด้านเครือข่าย
12. อ้างอิง
· ศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ. ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีกริด. www.thaigrid.or.th
· Wikipedia : The Free Encyclopedia. Grid Computing. http://en.wikipedia.org/wiki/Grid_computing
· วิชาการดอทคอม โดย เพิ่ม อ่อนประทุมและคณะ. Grid Computing. http://www.vcharkarn.com/varticle/16300
· วิชาการดอทคอม โดย รชตภรณ์ กุลแพทย์. Grid Computing. http://www.vcharkarn.com/vblog/33291/1/30
· Vizible’s Blog. Globus Toolkit Installation. http://vizible.wordpress.com/2008/05/27/globus-toolkit-installation/
· วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. เว็บเซอร์วิส. http://th.wikipedia.org/wiki
· Knowledge Based Society. Grid Technology of Thailand. http://tn-home.blogspot.com/2009/08/grid-technology-of-thailand.html
· Google GURU. Grid Computing คืออะไร. http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=731f9427f8166534
[1] ที่มา : ศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ
[2] ที่มา : กูเกิ้ล กูรู
[3] เป็นส่วนที่มีความสำคัญมากในเทคโนโลยีกริดเพราะเป็นส่วนกลางที่ช่วยให้ระดับชั้นสูง (High-level) สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่มีความหลากหลายมาก เป็นส่วนกลางในการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับทรัพยากรที่กระจัดกระจาย รองรับความหลากหลายของทรัพยากร
[4] เป็นเครื่องมือช่วยในการพัฒนาโปรแกรมบน Grid พัฒนาโดย Globus Alliance นำไปประยุกต์ใช้ตามมาตรฐาน Open Grid Services Architecture (OGSA)
[5] คือ ระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมา เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ คือ XML


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น